Skip to content Skip to footer

พระพิฆเนศ !! ตัวแทนแห่งความสำเร็จทั้งปวง

พระพิฆเณศวร์ หรือบางแห่งก็เขียน พระพิฆเนศ หรือ พระคเณศ เป็นเทพองค์หนึ่งในศาสนาพราหมณ์ หรือฮินดู ซึ่งคนไทยรู้จักกันดี ด้วยเชื่อว่าท่านเป็นเทพแห่งศิลปะความรู้ และความสำเร็จทั้งมวล ถ้าใครบูชาท่าน ท่านก็จะช่วยขจัดปัดเป่าอุปสรรค ข้อขัดข้องต่างๆให้ รวมทั้งอำนวยความสำเร็จให้แก่กิจการทั้งหลายทั้งปวงด้วย คนจึงนิยมกราบไหว้ท่านก่อนที่จะกระทำการใดๆ

สำหรับรูปกายของท่าน หลายๆคนคงจะคุ้นกันดี เพราะท่านจะมีหุ่นคล้ายๆกับพระสังกัจจายย์บ้านเรา คือทรงตุ้ยนุ้ย อ้วนพุงพลุ้ย และแทนที่จะมีหัวเป็นคน ท่านกลับมีเศียร(หัว)เป็นช้าง มีกร(มือ) ๔บ้าง ๖บ้าง ๘บ้าง สุดแล้วแต่จะเสด็จมาปางใด ซึ่งในเชิงปรัชญาเขาบอกว่า ร่างกายแต่ละส่วนของท่านล้วนมีความหมายในทางมงคลทั้งสิ้น นั่นคือ

พระเศียร ที่เป็นหัวช้าง จะเป็นเศียรที่ใหญ่ จึงหมายถึง สมองที่เต็มไปด้วยปัญญาความรู้

พระกรรณ (หู) ที่กว้างใหญ่ หมายถึง การได้รับฟังคำสวดจากคัมภีร์หรือความรู้อื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งเบื้องต้นของการศึกษาเล่าเรียน หรือพูดง่ายๆว่าฟังมาก ก็รู้มาก

งา ที่มีเพียงข้างเดียวและอีกข้างหักนั้น มีนัยแสดงให้รู้ว่าคนเรามักต้องอยู่ระหว่างความดี-ความชั่วอยู่เสมอ จึงต้องรู้จักแยกแยะ ทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ถึงความแตกต่างนั้น

งวงช้าง ที่ใช้ชั่งน้ำหนักต่อการกระทำหรือค้นหาสิ่งที่ดีงามโดยใช้ปัญญาเลือกเฟ้นไม่ว่าจะเป็นความผิด-ความถูก ความดี-ความชั่ว

หนู (พาหนะที่ท่านขี่มา) หมายถึง ความปรารถนาของมนุษย์ ตรงนี้อาจจะเข้าใจยากสักหน่อย เพราะเป็นความคิดเชิงปรัชญา เลยต้องคิดให้ลึกซึ้งกว่าปกติ

โดยทั่วไป เราจะพบเห็นรูปพระพิฆเณศวร์ มี ๑ เศียร ๔ กร แต่จริงๆแล้วท่านมีหลายปางมาก บางประเทศอย่างอินเดียหรือเนปาล พระพิฆเณศวร์จะมีถึง ๕ เศียร ส่วนพระกรหรือมือ จะมีตั้งแต่ ๒ กรไปจนถึง ๑๐ กว่ากรขึ้นไป โดยแต่ละหัตถ์หรือมือของท่านก็จะถือสิ่งของแตกต่างกันไป มีทั้งที่เป็นขนม ผลไม้ อาวุธ และสิ่งมงคลต่างๆ เช่น ขนมโมทกะ (เป็นข้าวสุกผสมน้ำตาลปั้นเป็นลูก)ผลทับทิม ลูกหว้า งาหัก ขวาน ตรีศูล สังข์ แก้วจินดามณี เป็นต้น

ส่วนท่าทางนั้น เดิมจะอยู่ในรูปยืนเสียเป็นส่วนใหญ่ ต่อมาก็พัฒนาเป็นท่านั่ง ซึ่งจะมี ๔ ลักษณะด้วยกัน คือ ๑.ท่าเข่าข้างหนึ่งยกขึ้น อีกข้างงอพับบนอาสนะ(ที่นั่ง) ๒.ท่านั่งขาไขว้กัน ๓.ท่านั่งห้อยพระบาทข้างใดข้างหนึ่ง และอีกข้างพับอยู่บนอาสนะ ๔.ท่านั่งโดยขาทั้งสองข้างพับอยู่ด้านหน้า ฝ่าเท้าทั้งสองอยู่ชิดติดกัน

การที่มีจำนวนพระเศียร และสัญลักษณ์ที่ถือในมือ ตลอดจนลักษณะท่าทางที่ปรากฎเป็นปางที่ไม่เหมือนกันนั้น ก็เพราะความเชื่อที่ว่า แต่ละปางก็จะให้คุณที่แตกต่างกันออกไปนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น

  • ปางพาลคเณศ จะเป็นรูปพระคเณศตอนเด็ก อยู่ในท่าคลานหรืออิริยาบถไร้เดียงสาแบบเด็ก ถ้าโตหน่อยก็จะเป็นรูปนั่งขัดสมาธิบนดอกบัว มี ๔ กร ถือขนมโมทกะ กล้วย รวงข้าว ซึ่งปางนี้หมายถึง ความมีสุขภาพดีของเด็กๆในครอบครัว จึงนิยมบูชาในบ้านที่มีเด็กเล็กและเด็กวัยเรียน
  • ปางนารทคเณศ เป็นปางที่อยู่ในท่ายืน มี ๔ กร ถือคัมภีร์ หม้อน้ำ ไม้เท้า และร่ม หมายถึงการเดินทางไกลไปศึกเล่าเรียน ปางนี้เขาว่าเหมาะกับคนที่มีอาชีพเป็นครูบาอาจารย์
  • ปางมหาวีระคเณศ เป็นปางที่มีมือมากเป็นพิเศษอาจจะ ๑๒-๑๖ กรเลยทีเดียว และแต่ละพระหัตถ์ก็ถืออาวุธต่างๆกัน เช่น ตะบอง หอก ตรีศูล คันธนู ฯลฯ ปางนี้เป็นปางออกศึกเพื่อปราบศัตรู จึงเหมาะกับพวกทหาร ตำรวจ และข้าราชการ
  • ปางสัมปทายะคเณศ เป็นปางที่เราพบเห็นกันบ่อย คือ มี ๔ กร ถืออาวุธอยู่สองหัตถ์บน เช่น ขวานหรือตรีศูล ที่ทรงใช้ทำลายสิ่งชั่วร้าย และคอยขับไล่อุปสรรค อีกพระหัตถ์ถือบ่วงบาศ หมายถึง บ่วงที่ทรงใช้ลากจูงให้คนทั้งหลายเดินตามรอยพระบาทของท่านหรือใช้ขจัดศัตรู หัตถ์ล่างจะถือขนมโมทกะ ท่านถือไว้เพื่อประทานเป็นรางวัลแก่ผู้ปฏิบัติตามรอยพระบาทของท่าน ส่วนหัตถ์ขวาล่างทำท่าประทานพร หมายถึง ทรงประทานความผาสุกและความสำเร็จให้แก่สาวกของท่าน หรือบางที่ก็ถืองาที่หัก

ทำไมต้องบูชาพระพิฆเนศ เป็นลำดับแรกที่ประกอบพิธี ?

ตามตำนานบอกว่าพระศิวะพระบิดาของพระพิฆเนศได้ตั้งพระนามให้กับท่านว่าพระพิฆเนศซึ่งแปลว่าเทพผู้กระจัดปัดเป่าอุปสรรคและความทุกข์ยากพร้อมทั้งอวยพรเอาไว้ว่าทุกๆการประกอบพิธีกรรมต่างๆจะต้องมีการทำพิธีบูชาองค์พระพิฆเนศก่อนเสมอเพื่อความสำเร็จของพิธีเหล่านั้นจากนั้นมาพระพิฆเนศจึงได้เป็นเทพเป็นที่ตัวแทนแห่งความสำเร็จทั้งปวง

ทั้งนี้พระพิฆเนศยังได้รับความเคารพจากชาวฮินดูเป็นอย่างมากจนยกให้พระพิฆเนศนั้นเป็นหัวหน้าของเหล่าเทพทั้งหลายอีกด้วยเนื่องจากเดิมทีนั้นชาวฮินดูมักจะนับถือเทพทุกชนิดที่เป็นสัตว์และมีความเชื่อกันช้างนั้นเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาสัตว์ทั้งหมดนั่นเอง

ติดต่อหมอโจ้

นัดหมายดูดวง ดูฮวงจุ้ย

MORJOE168.COM © 2025. All rights reserved.